วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2556

Video การทำขนมหวานอย่างง่าย ใช้เวลาน้อย


วัตถุประสงค์ในการทำขนมหวานอย่างง่าย


จากที่ผู้จัดทำเลือกทำ การจัดการองค์ความรู้ เรื่อง ขนมหวาน นั้น เกิดจากการที่สมาชิกทุกคนสามารถประกอบอาหารเกี่ยวกับขนมอย่างง่าย โดยใช้เวลาไม่มาก จึงเป็นเหตุผลในการเลือกทำเรื่อง ขนมหวาน เพราะสามารถดึงความรู้ความสามารถของสมาชิกทุกคนในกลุ่มออกมาได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการสอนทำขนม การผสมส่วนผสม การคัดเลือกวัตถุดิบ และรวมไปถึงการตกแต่งจานขนมอีกด้วย อีกทั้งยังสามารถถ่ายทอดความรู้เหล่านั้นให้สมาชิกที่เหลือที่ยังขาดความรู้ความเข้าใจในบางเรื่องเกี่ยวกับการทำขนมหวานได้เป็นอย่างดี และสามารถนำความรู้ที่มีอยู่มาเผยแพร่ให้กับผู้ที่สนใจในเรื่องขนมหวาน

นอกจากจะมีขนมหวานที่สามารถประกอบได้โดยใช้ระยะเวลาไม่มากแล้วนั้น ทางผู้จัดทำได้นำเสนอขนมหวานทั้ง ขนมหวานนานาชาติและขนมหวานของไทย ซึ่งรวมไปถึงส่วนประกอบและขั้นตอนการทำ สำหรับผู้ที่สนใจในเรื่องขนมหวานอีกด้วย

วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2556

วัตถุประสงค์การทำ KM

1. เพื่อเป็นสื่อประกอบความรู้สำหรับผู้ที่สนใจในการทำขนมหวาน

2. เพื่อให้ผู้ที่เริ่มสนใจทำขนมหวานเข้าใจในการทำขนมหวานอย่างง่าย 

3. เพื่อให้ผู้ศึกษาและสนใจในการทำขนมทราบถึงแหล่งที่มาของขนมที่นำเสนอ

4. เพื่อศึกษาวัฒนธรรมและประเพณีแต่ละประเทศผ่านทางการทำขนมหวานในแต่ละเทศกาล

5. เพื่อศึกษาข้อเด่นและความแตกต่างของขนมแต่ละเชื้อชาติ 

ขนมหวาน


และ







ปัญหาภายในกลุ่มที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงาน


1. สมาชิกในกลุ่มมีมากกว่า 2 คน จึงเป็นเรื่องปกติที่มีการเสนอความคิดและเนื้อหาที่ไม่ตรงกัน

2. สถานที่ในการประกอบอาหารไม่เอื้ออำนวยในบางรายการอาหาร

3. อุปกรณ์ในการประกอบอาหารไม่ตรงตามที่ต้องการ


ทิรามิสุ : Tiramisu [อิตาเลียน]



ที่มาของขนมทิรามิสุ

ทิรามิสุ (tiramisu) ขนมหวานสัญชาติอิตาเลียน กำลังเป็นที่นิยมในบ้านเรา ด้วยเนื้อขนมนุ่มเบาและ รสเฉพาะตัวของชีสมาสคาโปเน่ (Mascapone) กับวิปปิ้งครีมตัดกับรสเข้มของขนมปัง เลดี้ฟิงเกอร์ (Lady finger) ที่ชุ่มด้วยกาแฟดำ อร่อยอย่างลงตัวพอดิบพอดี




ส่วนผสมเนื้อครีม

  • ไข่ 3 ฟอง
  • วิปปิ้งครีม(Whipping cream) 1 1/4 ถ้วย
  • หรือเฟรชครีม (Fresh cream)
  • ชีสมาสคาโปเน่(mascapone cheese) 3 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ


ส่วนผสมชั้นกาแฟ

  • ขนมปังเลดี้ฟิงเกอร์ (Lady finger) 10 ชิ้น
  • กาแฟดำ 2 ถ้วยตวง
  • ผงโกโก้สำหรับโรยหน้า




วิธีทำ

ผสมครีมกับชีสมาสคาโปเน่แล้วตีให้ขึ้นฟู (ความเร็วปานกลางจนตั้งยอด) แช่เย็นไว้จนเย็นจัด
แยกไข่ขาวกับไข่แดง ผสมน้ำตาลทรายกับไข่แดงตีรวมกันจนเป็นครีมข้น แช่เย็นไว้
ตีไข่ขาวจนกระทั่งฟูตั้งยอด
นำส่วนผสมของชีส ไข่แดง และไข่ขาวที่แช่เย็นจัดมาเคล้ารวมกันเบาๆ จากนั้นนำไปแช่เย็นอีกครั้งประมาณ 30 นาที
นำขนมปังเลดี้ฟิงเกอร์ไปจุ่มในกาแฟดำให้ชุ่ม จัดใส่ในแก้วที่ชอบแล้วราดทับด้วยครีม สลับชั้นกันจนเต็มแก้ว โรยหน้าด้วยผงโกโก้

Tips

- ไข่ควรใช้ไข่สดใหม่ เพราะเมื่อตีแล้วจะขึ้นฟู

- กาแฟดำควรชงให้มีรสขมกว่าปกติเล็กน้อย เพราะจะตัดรสกับครีมได้ดียิ่งขึ้น

- ควรเสิร์ฟขณะที่เย็นจัด และอาจเสิร์ฟคู่กับขนมปังหรือผลไม้สด เช่น สตรอเบอรี่ ก็ได้




ขอบคุณแหล่งที่มา http://food.thaibizcenter.com/fdetail.asp?ftipsid=8686

วาฟเฟิล : Waffle [เบลเยี่ยม]



ที่มาและแหล่งกำเนิดของวาฟเฟิล

บรรพบุรุษของวาฟเฟิลเป็นอะไรมากไปกว่าเค้กธรรมดา

ที่ทำจากเยื่อซีเรียลของการเตรียมและปรุงอาหาร โดยชายของสมัยหินใหม่บนหินร้อน

เมื่อผิวหน้าของเค้กในการติดต่อกับหินได้ปิดทอง

ที่พวกเขาหันไปให้การทำอาหารหน้าอื่น ๆ

เมื่อใครบางคนมีความคิดเพื่อแทนที่หินโดยแผ่นเหล็ก, แพนเค้กเกิด

เมื่อใครบางคนพบว่าการทำอาหารจะไปได้รวดเร็วขึ้น

ด้วย 2 แผ่นเหล็กร้อนที่ทั้งสองฝ่ายในเวลาเดียวกัน

 ก็เป็นจุดเริ่มต้นของวาฟเฟิลมันเป็นเวลานานมาแล้วและคำว่า"วาฟเฟิล"ยังไม่ได้อยู่

คำว่า"gaufre"(วาฟเฟิลในภาษาอังกฤษ) มาจาก"walfre"

ที่สิบสองศตวรรษ In old French,

ในภาษาฝรั่งเศสเก่า"wafel"หมายถึงในขณะนั้น"ชิ้นส่วนของน้ำผึ้ง (ผึ้ง) รัง"

มันเป็นเบเกอรี่กับพาสต้าแสงสุกระหว่างสองเตารีดความร้อน

ซึ่งพิมพ์วาดภาพในการบรรเทา
ขนมเค้กเหล่านี้มาผ่านศตวรรษจนสมัยกลาง

เราพบว่าขนมเค้กเหล่านี้กลับไปในศตวรรษที่สิบสามภายใต้ชื่อ"oublies"

หรือ"แพน d' juif"(ขนมปังจิว 's)
มันเฉพาะในศตวรรษที่สิบสาม วาฟเฟิลที่ปรากฏขึ้นเมื่อหนึ่ง Smith ดำคิดผลิตเหล็ก

ที่ดูคล้ายภาพวาดของ alveoli

ที่ทำโดยผึ้งชื่อของเบเกอรี่ที่ได้รับชื่อของ"วาฟเฟิล"

วาฟเฟิลเป็นหนึ่งในขนมที่เก่าแก่ที่สุด

ส่วนผสม

  • แป้งข้าวเจ้า 250 กรัม
  • แป้งสาลี 50 กรัม
  • น้ำตาลทราย 150 กรัม
  • ยีสต์ 1 ช้อนชา
  • น้ำอุ่น 200 กรัม
  • ไข่ 2 ฟอง
  • ผงฟู 1/2 ชช
  • กะทิ 125 มล.





วิธีทำ

นำแป้งข้าวเจ้าแป้งสาลีและยีสต์ มาร่อนผสมกัน 1 ครั้งใส่น้ำตาลทราย น้ำอุ่น ผสมกันในชาม ตีให้เข้ากัน ปิดด้วยพลาสติก นำเข้าตู้เย็นช่องธรรมดาทิ้งไว้ 1 คืนค่ะจากนั้นนำออกจากตู้เย็น จะเห็นได้ชัดว่าตัวแป้งจะเป็นฟองๆ ซึ่งเกิดจากการหมักยีสต์ทีนี้ก็ตอกไข่ใส่ลงไป ใส่ผงฟู กะทิ และข้าวโพด คนส่วนผสมรวมกัน คนๆให้เข้ากัน ส่วนผสมที่ได้จะเป็นฟองปุดๆ เหลวๆนำเครื่องทำวาฟเฟิลมาอุ่นให้ร้อนก่อน เอาเนยทาในเครื่องทำวาฟเฟิลนิดหน่อยเพื่อไม่ให้มันติดพิมพ์ เสร็จแล้วก็เอามาหยอดใส่พิมพ์ได้ รอจนสุกแซะออกจากพิมพ์จัดใส่จานทานร้อนๆ



ขอบคุณแหล่งที่มา   http://food.tonruk.com/view/17855.html